พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด รุ่นเปิดโลก
ช่วงที่ ๓
ก่อนจะเริ่มพิธีเมื่อกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัย และขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยแล้ว ผู้เขียนได้กล่าวอาราธนาหลวงปู่ว่า "ขออาราธนาพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้โปรดเมตตาอธิษฐานจิต ปลุกเสกรูปเหมือนหลวงปู่ทวด และวัตถุมงคลในพิธีที่คณะลูกศิษย์ได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นเครื่องระลึกถึงพระไตรสรณคมน์และการนำไปปฏิบัติ ธรรมของเหล่าคณะศิษย์ของวัดสะแก ซึ่งมีหลวงปู่ทวดเป็นประธาน สืบต่อไป"
หลังจากนั้น หลวงปู่ก็ได้ให้ผู้เขียนกล่าว ชุมนุมเทวดา เพื่อให้มาโมทนาและร่วมในพิธี ต่อไปนี้เป็นคำพูดของหลวงปู่ ที่กล่าวไว้เสมือนกับเป็นอมตะวาจา ที่ทิ้งไว้ให้ระลึกถึง เพื่อให้ลุกศิษย์เกิดศรัทธาปสาทะ มีกำลังใจที่จะสร้างคุณงามความดี จนในที่สุดกลายเป็น อจลศรัทธา สามารถพึ่งตนเองได้ วาจาของหลวงปู่มีดังนี้ "ตั้งใจกันทุกคน ภาวนาไตรสรณคมน์ นิมนต์ท่านด้วยทั้ง ๔ องค์" (ในวันนั้นมีพระสงฆ์อยู่ด้วย ๔ รูป)
หลวงปู่ "เชิญพระมาทั้งหมดแสนโกฏจักรวาฬ เทวดาด้วย ขอให้ท่านมาช่วยกัน หลวงพ่อทวดมาหรือยัง"
ผู้เขียน "มาแล้วครับ"
หลวงปู่ "หลวงพ่อเกษม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ที่แปลพระไตรปิฎกฉบับลังกา หลวงพ่อบุดดามาแล้วใช่ไหม"
ผู้เขียน "ครับ"
หลวงปู่ "ตั้งจิตยกของทั้งหมดตามหลวงพ่อทวด ไปพุทธาภิเษกที่วิมานแก้วพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้ารับ ท่านรับแล้วหรือยัง"
ผู้เขียน "ครับ รับแล้ว" หลวงปู่ยกมือขวา ลูบพระทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าท่าน ๒-๓ ครั้งอย่างช้าๆ
หลวงปู่ "ตั้งจิตไว้ไปวิมานพระธรรม วิมานพระสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอให้ท่านช่วยเสร็จแล้วใช่ไหม ตอนนี้สว่างไปหมด พรหมโลก เทวโลก มนุษโลก ดูพุทธนิมิตของหลวงพ่อทวดเต็มท้องฟ้าไปหมด ตั้งจิตนำของทั้งหมดไปนมัสการพระพุทธเจ้าที่ดอยสุเทพ ที่ดอยสุเทพมีพระธาตุพระพุทธเจ้าอยู่ ขอพระพุทธเจ้าให้ท่านประสิทธิ ดูซิของทั้งหมดสว่างหมดหรือยัง"
ผู้เขียน "สว่างหมดแล้ว"
หลวงปู่ "ยกของทั้งหมดมาที่วัดสะแก อย่าเพิ่งลง ทำทักษิณาวัตรรอบภูเขาบุญกว้าง ๑ เส้น สูง ๑ เส้นก่อน ๓ รอบ ตอนนี้หลวงพ่อทวดอยู่ที่ไหน ลอยอยู่ในอากาศเห็นหรือยัง อัญเชิญพุทธนิมิตหลวงพ่อทวดมาปฏิสนธิสถิตในของทั้งหมด ดูซิของทั้งหมดสว่างไสวไปหมด แสงแตกกระจายออกไปเหมือนไฟพะเนียงแตก ขอหลวงพ่อทวดคุ้มครองรักษา ฝากเทวดาช่วยปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ตลอดไป ปิดอันตรายทุกอย่าง ของสว่างใช้ได้แล้วหรือยัง ตั้งใจให้ดี อุทิศกุศลไปให้โดยรอบสุดขอบจักรวาฬ อนันตจักรวาฬ ฉันจะให้พรแทน"
หลวงปู่ให้พรและกรวดน้ำแทนคณะศิษย์ทั้งหลาย เนื่องจากในวันนั้นเสียงหลวงปู่เบามาก จึงได้ยินกันไม่ค่อยทั่วถึง หลังจาดพิธีเสร็จแล้วในวันต่อมา ได้กราบเรียถามหลวงปู่ ท่านบอกว่า "เกือบจะปลุกเสกไม่ได้ เนื่องจากมีคนจัดยาให้ท่านฉันผิด จึงทำให้ท้องเสีย ถ่ายท้องหลายครั้ง แต่เมื่อถึงพิธีกลับทำได้" นับว่าหลวงปู่มีขันติธรรมอย่างยิ่ง และเป็นความเมตตาอนุเคราะห์แก่คณะศิษย์อย่างมาก
ผู้แสดงความคิดเห็น พระชาญวิทย์ ธมฺมวโร วันที่ตอบ 2010-02-14 05:13:59 IP : 58.147.55.155
ความคิดเห็นที่ 11 (1486280)
แจ้งลบความคิดเห็น
พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด รุ่นเปิดโลก
ช่วงที่ ๔
วัตถุมงคลต่างๆ ที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ คณะของคุณวรวิทย์ได้แจกจ่ายให้กับศิษย์ที่ปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องเสียเงินใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นเหรียญชนิดเงินและทอง ซึ่งคิดเท่ากับต้นทุนตามที่มีผู้สั่งจอง เนื่องจากมีผู้ได้รับแจกมาก จึงทำให้บางคนที่ไม่รู้จักคุณค่านำไปแลกเปลี่ยนจำหน่ายในสนามพระ
ปัจจุบันวัตถุมงคลดังกล่าว ยังมีเหลืออยู่บ้างในจำนวนไม่มากนัก ซึ่งต้องแล้วแต่กาลเวลา เพราะต้องดูโอกาสที่ควรจะเปิด ท่านที่อยากได้ก็จงอธิษฐาน ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา นึกถึงหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ถ้าวาสนาของท่านดี คงมีโอกาสได้รับวัตถุมงคลรุ่นนี้ ที่เรียกกันว่า "รุ่นเปิดสามโลก" หรือที่เซียนพระเรียกว่า "รุ่นดัง" นั่นเอง
มีเพื่อนของลูกศิษย์ผู้เขียนเคยนำหนังสือ พระผู้จุดประทีปในดวงใจ ซึ่งพิมพ์ครั้งพระราชทานเพลิงศพของพ่อผู้เขียน ไปถวายเพื่อนของเขาซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ เมื่อเขาเห็นหนังสือ เขาได้บอกว่า "เพิ่งจะรู้ว่าหลวงพ่อดู่ที่หลวงพ่อเกษมกล่าวถึงคือองค์นี้เอง" จึงได้เกิดการซักถามกันขึ้น พระจึงเล่าให้ฟังว่า เคยไปนมัสการหลวงพ่อเกษม กับโยมมารดาของท่าน ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช มารดาได้พาไปนมัสการหลวงพ่อเกษม เพื่อจะขอบารมีให้ลูกชายบวช หลวงพ่อเกษมท่านนั่งหลับตานิ่งอยู่ ได้เอ่ยถามมารดาของท่านว่า "รู้จักหลวงพ่อดู่ วัดสะแกไหม" ซึ่งมารดาเรียนตอบท่านว่า ไม่เคยรู้จัก หลวงพ่อเกษมท่านจึงพูดต่ออีกว่า "เคยได้ยิน เหรียญเปิดโลกไหม" เธอก็ตอบอีกว่า "ไม่เคยได้ยิน" หลวงพ่อเกษมจึงพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า "ให้ไปหามาบูชา เหรียญนี้ดี กันนิวเคลียร์ได้" พระองค์นี้ก็ได้แต่สงสัยว่า หลวงพ่อดู่อยู่ที่ไหน และจะหาเหรียญได้ที่ใด เป็นเวลาเกือบปี จึงเกิดความกระจ่างจากหนังสือที่ได้รับ แสดงว่าหลวงพ่อเกษมท่านใช้ อนาคตังสญาณ คือ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอนาคต ที่ท่านและมารดาของท่าน จะต้องมาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่อย่างแน่นอน
- จบเรื่องที่ ๓ -
ผู้แสดงความคิดเห็น พระชาญวิทย์ ธมฺมวโร วันที่ตอบ 2010-02-14 05:14:57 IP : 58.147.55.155
ความคิดเห็นที่ 12 (1486281)
แจ้งลบความคิดเห็น
๔.สุดยอดวิชาการฝึกอภิญญาจิตของหลวงปู่
ช่วงที่ ๑
หลวงปู่เภาเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ เกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองกรุงเก่า หลวงปู่ดู่ได้ร่ำเรียนเกี่ยวกับการลบผง เรียนสูตรต่างๆ จากหลวงปู่เภา ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ท่านเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังถึง สุดยอดของการทำผงพระพุทธคุณ "มีอยู่คืนหนึ่งนอนฝันไป ว่า ได้เจอกับอาจารย์ที่เป็นต้นแบบของวิชา ไม่ได้เป็นพระ เป็นฆราวาส พอมาถึง ท่านก็เรียกอาจารย์ที่เป็นผู้สอนวิชาทำผงหลายท่าน พร้อมกับต่อว่าเกี่ยวกับการสอน เนื่องจากสอนไม่หมด มีการยักย้ายถ่ายเทอักขระคาถา อาจารย์เหล่านั้นท่านก็บอกว่า เคยเรียนมาแบบนี้ เพราะเป็นการบอกต่อๆ กันมา ในที่สุดอาจารย์ท่านนี้จึงบอกว่า จะสอนให้ถึงของจริง แล้วท่านใช้ดินสอพองเขียนลงไปบนกระดานชนวน เขียนไปลบไปจนตอนท้ายท่านบอกว่า ของจริงต้องเป็นอย่างนี้ ท่านตบลงไปที่กระดาน กระดานชนวนเกิดเป็นไฟลุกขึ้น แล้วท่านก็ให้ลองทำ ข้าพอทำได้ก็เลิก ไม่เอา กลัวบาป"
ผู้เขียนจึงเรียนถามหลวงปู่ว่า ผงนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง หลวงปู่ท่านบอกว่า "อยู่ที่อธิษฐานได้ทั้งนั้น" เข้าใจว่าท่านคงไม่ต้องการข้องแวะกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเป็นอิทธิฤทธิ์ สู้บุญฤทธิ์ไม่ได้ ถ้าติดอยู่จะทำให้หาหนทางไม่ได้
ผู้แสดงความคิดเห็น พระชาญวิทย์ ธมฺมวโร วันที่ตอบ 2010-02-14 05:16:17 IP : 58.147.55.155
ความคิดเห็นที่ 13 (1486282)
แจ้งลบความคิดเห็น
สุดยอดวิชาการฝึกอภิญญาจิตของหลวงปู่
ช่วงที่ ๒
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ เกิดสุริยคราส ผู้เขียนเกิดความรู้สึกว่า หลวงปู่ทวดบอกว่า "ถ้าอยากได้วิชาชาตรี ให้ไปหาอาจารย์ที่วัด" เมื่อไปถึงกราบเรียนหลวงปู่ ท่านยิ้มบอกว่า "หลวงปู่เข้าใจพูด ล่อแกให้มาวัดได้" สักพักหนึ่ง ท่านจึงอธิษฐานจิตเสกข้าวที่มีญาติโยมนำมาถวาย เสร็จแล้วท่านจึงบอกว่า "วิชา ชาตรียังติดอยู่ในโลก สุริยคราสเกิดวันนี้ แลยทำไปถึงผงสุริยคราส ผงจันทคราส โบราณเขาเรียกว่า ผงสูรย์-ผงจันทร์ ที่จริงพี่น้องเขามาพบกัน ดุมล้อ (ราชรถ) มาเกยกันทำให้เกิดเงา คนไม่รู้เลยยิงปืน ตีเกราะให้คลายจากกัน ควรจะภาวนาถึงจะถูกต้อง เอ้า แกดูนี่ทำ ต่อไปถึงผงนิพพานสูญ ว่างเปล่า ไม่มีอะไร เป็นอันหมดกัน"
ผู้เขียนจึงเกิดความรู้สึกว่าหลวงปู่ท่านมีสรรพวิชาจริง แต่ท่านไม่ข้องแวะติดอยู่ แม้แต่วิชาชาตรีของหลวงปู่กลั่น ท่านบอกว่าเคยไปเรียนกับพระองค์หนึ่งโดยไปเป็นเพื่อน เนื่องจากการเรียนต้องเรียนเป็นคู่วิชานี้ เมื่อถึงเวลาทำพิธี อาจารย์จะมีหินคอยกำหนด โดยเมื่อบริกรรมไประยะหนึ่ง อาจารย์จะยกหินซึ่งมีน้ำหนักมาก ถ้ายังยกไม่ขึ้นแสดงว่า จิตของลูกศิษย์ยังใช้ไม่ได้ จนกระทั่งอาจารย์ยกได้จะทุ่มมาที่ลูกศิษย์ หลวงปู่ท่านบอกว่า ตอนที่ยกทุ่มมาเสียงดังมาก แม้แต่พระยังวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้เขียนถามความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเป็นคงไม่มาอยู่ต่อหน้าแกเดี๋ยวนี้ วิชาชาตรีมีเค้าเงื่อนเดิมมาจากแขก ผู้ที่เรียนมักเกิดความฮึกเหิม เพราะวิชาคงกระพัน หมายถึงโดนแต่ไม่เข้า ส่วยชาตรี โดนแต่เบา ไม่เจ็บ จึงมักเรียกรวมว่าคงกระพันชาตรี ถ้าผู้เรียนไม่มีศีลธรรม มีที่ไปคือนรก ปัจจุบันคือคุกตะราง อนาคตคือนรกภูมิ หลวงปู่จึงไม่ให้ติดในสิ่งเหล่านี้ เพราะจิตไม่เกิดการพัฒนา ทำให้เนิ่นช้าต่อคุณธรรมที่ควรจะได้
- จบเรื่องที่ ๔